
พบกับตำนานหลอนในไทย ตามมหาลับและโรงเรียนดังในจังหวัดต่างๆ ที่เล่าต่อๆ กันมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล่าหรือเรื่องจริง รับรองได้กลัวกันจนไม่กล้าไปไหนมาไหนในโรงเรียนคนเดียวอีกต่อไปแน่นอน
มหาลัยบนที่ลานประหารนักโทษเก่า

เรื่องนี้เกิดขึ้นในมหาลับแห่งหนึ่งที่เล่าต่อกันมา เนื่องสถานที่แห่งนี้ในสมัยก่อนเคยเป็นที่อยู่ของนักโทษประหาร ซึ่งมีนักโทษมากมายถูกฆ่าตายที่นี่ เรื่องมีอยู่ว่าวันนึงอาจารย์ดันนัดสอนล่วงเวลา เลยทำให้เหล่านักศึกษา ที่ต้องกลับค่ำๆ ทั้งหมดก็ทยอยพากันเดินลงมา แต่เด็กคนหนึ่งกลับลืมโทรศัพท์ไว้บนห้อง จึงบอกให้เพื่อนรอก่อน ระหว่างที่รอคนก็เดินลงไปหมดแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงเพลงคล้ายๆ เพลงรำสวดหรืออะไรสักอย่าง และมีเสียงแว่วมาว่า (อย่า ผมไม่ไป ปล่อยผมเถอะ อย่าฆ่าผมเลย) ผ่านไปสักพักเด็กคนนั้นก็ยังไม่ลงมา คนเป็นเพื่อนก็เริ่มกลัวเลยคิดจะเดินลงไปก่อน
แต่ก็มีคนมาจับมือไว้ พอหันกลับไปมองก็เป็นเพื่อนของเธอนั่นเอง ทั้งสองมองหน้ากันแล้วเริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง นั่นคือเสียงเหมือนโซ่ที่ลากมาตามพื้นไปมา และทั้งเทอและเขาต่างขับมือพากันวิ่นหนีออกไปข้างนอกด้วยความกลัว จนชนเข้ากับภารโรง และภารโรงคนนั้นก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดในมหาลัยแห่งนี้ให้ฟัง ว่าที่แห่งนี้ได้เคยเป็นลานประหารนักโทษมาก่อน ทำเห็นเด็กสองคนนี้กลัวมาก และไม่กล้าที่จะมาเรียนอีก
เสียงปริศนา

เสียงปริศนา ซึ่งเกิดขึ้นในมหาลัยในจังหวัดแห่งหนึ่งคืนก่อนวันจัดงานนิทรรศการใหญ่ของโรงเรียน จึงไม่แปลกที่นักเรียนและครูจะกลับบ้านดึก เพราะทั้งหมดต้องช่วยกันจัดการความเรียบร้อย ซึ่งนักเรียนกลุ่มหนึ่งก็มีหน้าที่ขนโต๊ะมารวมไว้อีกห้อง ในขณะที่เดินผ่านห้องที่ 1 ก็ไม่มีโต๊ะไม่มีเก้าอี้เหลืออยู่แล้ว จึงได้ไปเอาที่ห้อง 2 ก็เห็นว่ามีโต๊ะเหลือแต่ดันมีผู้หญิงผมยาวใส่ชุดนักเรียนนั่งหันหลังอยู่ จึงเริ่มกลัวๆ เพราะห้องนี้ไม่น่าจะมีคนอยู่แล้ว เลยรีบวิ่งกลับไปที่ห้องตัวเองและเล้าให้ทุกคนฟัง หลายคนก็หาว่าตาฝาด แต่ทั้งหมดก็อยากรู้ว่านั่นคือคนหรือผี จึงพากกันไปดู แล้วแต่จู่ๆ ก็มีผู้หญิงคนนึงเดินมาปีนขึ้นไปบนโต๊ะ และทำการผูกคอตายต่อหน้า ในขณะที่ดิ้นๆ อยู่นั้นก็ได้หันหน้ามามองพวกนักเรียนแบบตาไม่กระพริบ ทั้งหมดที่เห็นก็ได้แต่กรี๊ดแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน พอตอนเช้ามาถึงโรงเรียนเลยถามครูว่าผู้หญิงคนนั้นคือใคร ครูจึงเล่าให้ฟังว่า เมื่อก่อนห้องนี้เคยมีรุ่นพี่ที่ถูกแฟนบอกเลิกมาผูกคอตายในห้องนั้น และต่อมาทางโรงเรียนก็ได้ปิดห้องนั้นไป
ห้องดนตรีไทยที่ถูกปิดตาย

ห้องดนตรไทยของที่นี่ถูกปิดตายในโรงเรียนวัดแห่งหนึ่งที่น่าแปลกคือ ห้องนี้ได้ถูกไม้หนาๆ มาปิดเป็นรูปกากบาทไว้ เพื่อไม่ให้ใครเข้าไป แต่ยิ่งทำแบบนั้นความอยากรู้อยากเห็นของเด็กๆ ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น จึงมีการลองของขึ้นทันที โดยประมาณ 4 โมงเย็นหลังจากที่ทำความสะอาดห้องเรียนเสร็จแล้วเรียบร้อย ก็ได้เดินลงไปยังห้องนาฏศิลป์นั้น แต่ด้วยความที่เค้าปิดจนยากที่จะมองเลยได้แต่มองลอดช่องเล็กๆ ระหว่างไม้ ซึ่งพอลองมองเข้าไปดีๆ ก็เห็นเหมือนกับมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในนั้น ซึ่งพอมองดีๆ มันก็คือ (หัวโขน) แต่ไม่ใช่หัวโขนธรรมดา มันคือหัวโขนที่เต็มไปด้วยเลือด ลอยไปลอยมาอยู่รอบๆ ห้อง ทำเอาคนที่เห็นต่างวิ่งหนีก็ไม่ออก จะร้องก็ไม่มีแรงจะร้องและด้วยความเฮี้ยนของห้องนาฏศิลป์นี้ ทำเอาไม่มีใครสามารถไปแตะต้องอีก และได้ทุบรื้อสร้างใหม่ได้ จนสุดท้ายที่นี่ก็กลายเป็นโรงเรียนร้างไปในที่สุด
ห้องน้ำกับเสียงปริศนา

โรงเรียนแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีห้องน้ำอยู่ข้างๆ ห้องสมุด แต่คนกลับไม่ชอบไปเข้าเพราะไฟก็ไม่มี แถมยังเงียบอีกต่างหาก จนวันหนึ่งเด็กผู้หญิงคนนึงไม่รู้นึกอะไรจึงชวนเพื่อนมาเข้าห้องน้ำที่นี่ สงสัยเป็นเพราะมันไกลจากตึกเรียนและขี้เกียจเรียนหนังสือเลยหาเรื่องมาเข้าห้องน้ำซะไกล โดยขณะที่คนนึงกำลังเข้า อีกคนก็รออยู่หน้าห้อง ยืนรอไปสักพักก็ได้ยินเสียงจากห้องน้ำพูดออกมาว่า (แกเป็นอะไรป่าว) ซ้ำอยู่เรื่อยๆ เพื่อนที่ยืนรอก็คิดว่าเพื่อนแกล้งเลยไม่ได้ตอบอะไร พออกมาเพื่อนก็ถามว่า (แกกรี๊ดทำไม เป็นอะไรทำไมไม่ตอบ) เพื่อนที่ยืนรอก็ได้แต่ทำหน้างงแล้วบอกว่า (ฉันไม่ได้กรี๊ดนะ) และไม่ได้ยินเสียงกรี๊ดของใครด้วยซ้ำ เพื่อนคนนั้นก็ยังยืนยันว่าตั้งแต่ปิดประตูห้องน้ำไปก็ได้ยินเสียงกรี๊ดตลอด ซึ่งถ้าไม่ใช่เสียงเพื่อน แล้วจะเป็นเสียงใครได้กันแน่
ผู้เขียน
in my life