
ในโลกใบนี้มีสิ่งมหัศจรรย์มากมาย ไม่ว่าใครได้เห็น ก็ต้องรู้สึกประทับใจ กับความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการของมัน แต่คุณรู้หรือไม่ว่ายังมีสถานที่อื่นๆ อีก ที่จะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจแล้วมันยังจะชวนให้คุณต้องขบคิด และเกิดความสงสัยว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นมาบนโลกได้อย่างไร ซึ่งวันนี้เราจะพาคุณไปดู 9 สถานที่ลึกลับที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้
อันดับที่ 9 น้ำตกลึกลับ Devil’s Kettle
น้ำตกแห่งนี้ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบ Superior ใน Minnesota ซึ่งน้ำตกนั้นถูกแบ่งออกเป็น 2 สาย โดยน้ำตกสายหนึ่งจะไหลลงไปในทะเลสาบ และที่น่าแปลกก็คือ น้ำตกอีกสายหนึ่งนั้นจะไหลเข้าไปในหลุมลึกลับ ที่ไม่มีทางออก และความสงสัยที่ว่า น้ำที่ไหลเข้าไปในหลุมนั้น มีจุดหมายปลายทางไปที่ไหน จึงมีการทดลองนำท่อนไม้ย้อมสีและลูกปิงปองโยนลงไปในหลุม แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีวี่แววของสิ่งของเหล่านั้นไหลออกมา และมันก็ได้หายสาบสูญไปตลอดกาล โดยไม่มีใครพบเห็นอีก ซึ่งคนที่สงสัยที่มาที่ไปของน้ำในหลุม ก็ต่างคิดทฤษฎีต่างๆ นานามากมาย บ้างก็ว่าหลุมนั้นเป็นประตูมิติ บ้างก็ว่าข้าใต้นั้นมีโลกใต้พิภพขนาดใหญ่ ทำให้มีแอ่งน้ำ เพื่อให้น้ำตกน้ำไหลผ่านเข้าไปได้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ทฤษฎีเท่านั้น ที่ๆหลายคนนั้นได้คิดขึ้นมาความเป็นจริงของน้ำตกแห่งนี้ ยังคงเป็นปริศนาและยังไม่สามารถอธิบายได้จนถึงปัจจุบัน
อันดับที่ 8 แสงไฟแสงเฮสดาเลน
แสงไฟนี้เกิดขึ้นที่บริเวณเหนือฟ้าของภูเขาเล็กๆ ในหมู่บ้านเฮสดาเลนประเทศนอร์เวย์ โดยปรากฏการณ์แสงไฟลึกลับนี้มีลักษณะ เป็นลำแสงขนาดใหญ่บ้างเล็กบ้าง มีทั้งสีขาว สีเหลือง และสีแดง ส่องสว่างไปทั่วทั้งท้องฟ้า บางครั้งก็ปรากฏเป็นลูกไฟลอยไปลอยมา หรือบางครั้งก็เคลื่อนที่พุ่งไปอย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้ว ก็ยังมีการรายงานอีกว่าเห็นวัตถุลึกลับบางอย่าง ที่มาพร้อมกับแสงไฟเฮสดาเลน จึงทำให้หลายคนนั้นเชื่อว่า สิ่งที่มาพร้อมกับแสงนั้นน่าจะเป็นยานอวกาศของเอเลี่ยนนั่นเอง ในปี 1983 มีการจัดตั้งโครงการเฮสดาเลน เพื่อทำหน้าที่ศึกษาค้นคว้า หาที่มาที่ไปของแสงประหลาดนี้ แต่ทว่ายังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่ชัดได้ว่า แสงเหล่านี้เกิดจากอะไรกันแน่ ในบางงานวิจัยก็บอกว่า แสงนี้เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของก๊าซ ไฮโดรเจน ออกซิเจน และโซเดียม ในชั้นบรรยากาศที่มีความไวต่อแสงหรือไม่ก็เกิดจากการรั่วไหลของแก๊สปริศนาในชั้นบรรยากาศโลก และนี่ก็เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น
อันดับที่ 7 ถ้ำแห่งความมืด
ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศโรมาเนีย ได้มีถ้ำอายุเก่าแก่แห่งหนึ่งที่ถูกปิดตายจากแสนแดด มาเป็นเวลากว่า ห้าล้านห้าแสนปี ทำให้ภายในของถ้ำแห่งนี้ได้ถูกสารสารกำมะถันแบบรุนแรง และมีอันตรายกว่าสารคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 100 เท่า ทั้งบ่อน้ำภายในและอากาศภายในถ้ำนั้นต่างก็มีกำมะถันอยู่ทั้งนั้น ทำให้ทั้งถ้ำมีกลิ่นเหม็นเหมือนกับไข่เน่ามากๆ เลยทีเดียว แต่มันก็ยังมีสิ่งมหัศจรรย์อยู่ นั้นก็คือระบบนิเวศในถ้ำนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้พบว่า มีสัตว์ประหลาดถึง 33 สายพันธุ์ใหม่ ที่ไม่เคยพบเจอที่ไหนบนโลกมาก่อนนั้นเอง
อันดับที่ 6 ทะเลสาบคาราเชย์
ในปี 1951 สหภาพโซเวียตได้ใช้ทะเลสาบคาราเชย์แห่งนี้ เป็นสถานที่ทิ้งกากนิวเคลียร์จนถึงปี 1953 เมื่อสร้างโรงงานเก็บกากนิวเคลียร์ไฟฟ้าเสร็จ จึงได้หยุดการทิ้งกากนิวเคลียร์ในบริเวณน้ำลึกของทะเลสาบ แต่ก็ยังออกจากนิวเคลียร์นั้นมันทิ้งอย่างต่อเนื่องในพื้นที่บริเวณเขตน้ำตื้นของทะเลสาบ ทำให้ในปัจจุบันน้ำในทะเลสาบนั้นมีรังสีมากพอ ในการที่จะฆ่ามนุษย์ให้ตายได้ภายใน 1 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ไปยืนอยู่ตรงทะเลสาบแค่ 1 ชั่วโมงเท่านั้น รับรองว่าได้ไปเฝ้ายมบาลแน่นอน และในปี 1968 เมื่อเกิดสภาวะภัยแล้ง ฝุ่น และรังสี จากกากนิวเคลียร์บริเวณทะเลสาบและชายฝั่งได้ปลิวกระจาย ได้รับผลกระทบต่อคนครึ่งล้าน และคนอื่นอีก 7,000 คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่รอบทะเลสาบนั้น ต้องอพยพออกไป จนกระทั่งในปี 1978 ได้มีการสร้างคอนกรีตขนาดใหญ่ 10,000 แท่ง เพื่อล้อมรอบบริเวรสวนกากนิวเคลียร์นั้นตกตะกอนยกตัวสูงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้พิษนั้นรั่วไหลออกมานั่นเอง
มีต่อ (Part 2)
ผู้เขียน
in my life